Flax Seeds      ซื้อสินค้า
ข้อมูลผลิตภัณฑ์

เมล็ดแฟลกซ์ เป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย เมล็ดแฟลกซ์บด 1 ช้อนโต๊ะ หรือประมาณ 7 กรัม ให้ไฟเบอร์และกรดไขมันโอเมก้า 3 วิตามินบี 1 บี 6 โฟเลต แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส
       - ช่วยดูดซับแป้งและน้ำตาล ลดความอยากอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่ลดน้ำหนัก
       - ช่วยให้ระบบเมทาโบลิซึมทำงานได้ดีขึ้น
       - รักษาระดับอินซูลิน และน้ำตาลในเลือด
       - ไฟเบอร์สูง ดีต่อระบบขับถ่าย
       - ช่วยลดการทำงานของสารกระตุ้นการอักเสบ
       - ที่เกิดจากอาหารในกลุ่มไขมัน
       - ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ลดการเสื่อมของกระดูก

วิธีรับประทาน “เมล็ดแฟล็ก”
เมล็ดแฟลกซ์จะมีกลิ่นหอมคล้ายงา ทำให้รับประทานไม่ยาก นำเมล็ดแฟล็ก 1-3 ช้อนโต๊ะบดเป็นผงด้วยเครื่องบดหรือครก ผสมกับเครื่องดื่มตามชอบใจ ควรรับประทาน เมล็ดแฟล็กในขณะที่ยังไม่ฟองตัว ถ้าท้องผูกมากให้ทาน 2-4 ช้อนโต๊ะ 2 ครั้งเช้า – เย็น

 

ส่วนประกอบสำคัญ

เมล็ดแฟลกซ์ 100 กรัม
ข้อมูลเชิงวิชาการ

เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed) ธัญพืชเพื่อสุขภาพ

เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed) ธัญพืชเพื่อสุขภาพ

          เมล็ดแฟลกซ์มาจากพืชชนิดหนึ่ง ชื่อ Linum usitatissimum หรือต้นลินิน อุดมไปด้วยเส้นใยอาหารหรือไฟเบอร์ซึ่งพบมากบริเวณเยื่อหุ้มเมล็ด มีกรดไขมันอัลฟาไลโนเลนิก ( Alpha-Linolenic Acid : ALA) ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง อยู่ในกลุ่มกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูง อีกทั้งยังพบสารลิกแนน (Lignans) มากกว่าพืชชนิดอื่นถึง 800 เท่า โดยลิกแนนเป็นสารประกอบจากพืชที่ออกฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน และมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอี ถึง 5 เท่า  จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดและหัวใจ รวมทั้งโรคที่เกี่ยวกับปอด

 

ประโยชน์ของเมล็ดแฟลกซ์

        1. ช่วยการทำงานของระบบขับถ่าย และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

           เมล็ดแฟลกซ์มีเส้นใยอาหารหรือไฟเบอร์สูง ซึ่งมีทั้งไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ลดปัญหาท้องผูก และไฟเบอร์ที่ละลายน้ำ ช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอล และลดอัตราการดูดซึมน้ำตาล จึงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่

        2. ต้านการอักเสบ

            กรดไขมันอัลฟาไลโนเลนิก (Alpha-Linolenic Acid : ALA) สามารถไปยับยั้งการสร้างสารก่อการอักเสบ (Inflammation) ต่าง ๆ ในร่างกายที่เกิดจากอาหารในกลุ่มไขมัน อีกทั้งยังสามารถลดการอักเสบของโรคข้อต่าง ๆ ได้ เช่น โรคข้อเสื่อม โรครูมาตอยด์ และโรคเกาท์

        3. ช่วยระบบการไหลเวียนของเลือด

           กรดไขมันอัลฟาไลโนเลนิก (Alpha-Linolenic Acid : ALA) ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในร่างกาย ลดภาวการณ์แข็งตัวของหลอดเลือด ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล จึงช่วยลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงของโรคไขมันอุดตันหลอดเลือด โรคหัวใจและหลอดเลือด

        4. พัฒนาสมองและจอประสาทตา

            กรดไขมันอัลฟาไลโนเลนิก ( Alpha-Linolenic Acid : ALA) เป็นกรดไขมันตั้งต้นที่ร่างกายนำไปใช้ในการสร้างเป็น EPA และ DHA ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์สมองและจอประสาทตา ทำให้เด็กมีการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางสมอง การเรียนรู้ การจดจำ และจอประสาทตาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

        5. ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายและต้านอนุมูลอิสระในตับ

           กรดไขมันอัลฟาไลโนเลนิก (Alpha-Linolenic Acid : ALA) จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย โดยจับกับโลหะหนัก เช่น สารหนู แคกเมียม ปรอท ตะกั่ว แล้วขับออกจากร่างกาย ช่วยล้างสารพิษและต้านอนุมูลอิสระในตับ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย ช่วยชะลอความแก่ ลดริ้วรอย

        6. ช่วยควบคุมน้ำหนัก

           กรดไขมันอัลฟาไลโนเลนิก (Alpha-Linolenic Acid : ALA) ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย และเป็นตัวช่วยวิตามินทุกชนิด เช่น ไทอะมีน ไรโบฟลาวิน กรดแพนโธทีนิค และไนอาซิน ในการเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันจากอาหารให้กลายเป็นพลังงาน

        7. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

           ลิกแนน (Lignans) ในเมล็ดแฟลกซ์ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอี ถึง 5 เท่า  ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งระบบทางเดินอาหาร และช่วยป้องกันโรคมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น มะเร็งเต้านม

        8. ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย

 ลิกแนน (Lignans) มีคุณสมบัติช่วยปรับฮอร์โมนเอสโตรเจนอย่างเป็นธรรมชาติ จึงมีประโยชน์กับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน โดยช่วยบรรเทาอาการผิดปกติของการมีประจำเดือน เช่น คัดหน้าอก ปวดเมื่อย ปวดท้อง เป็นต้น

        9. ช่วยเพิ่มปริมาณโปรตีนในอาหาร

           การเพิ่มเมล็ดแฟลกซ์เข้าไปในมื้ออาหาร ช่วยเพิ่มปริมาณโปรตีนในมื้ออาหารได้ โดยมีโปรตีนเกือบทุกชนิดที่ร่างกายต้องการ อีกทั้งยังมีกรดอะมิโนที่ช่วยยับยั้งความหิว ช่วยให้เส้นผมและเล็บแข็งแรง

        10. ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม

            เมล็ดแฟลกซ์เป็นแหล่งรวมของวิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ โดยเฉพาะวิตามินบี และแมกนีเซียม รวมถึงกรดอะมิโนจำเป็นหลายชนิดที่เป็นส่วนประกอบของเส้นผม กรดไขมันโอเมก้า-3 และลิกแนนจะช่วยบำรุงเส้นผมแข็งแรงเงางาม ลดปัญหาผมร่วงเรื้อรัง อีกทั้งยังทำให้ทั้งเส้นผมที่งอกใหม่ ดูสุขภาพดี

 

วิธีรับประทานเมล็ดแฟลกซ์

        ก่อนรับประทานเราควรล้างทำความสะอาด และนำไปตากให้แห้ง จากนั้นนำไปคั่วหรืออบที่ความร้อนอุณหภูมิไม่เกิน 60 องศา เมื่อเย็นแล้วนำไปบรรจุภาชนะใส่ตู้เย็น สิ่งสำคัญในการได้รับสารอาหารที่ดีทั้งหมดจากเมล็ดสู่ร่างกายคือ การบดเมล็ดแฟลกซ์ให้ละเอียดก่อนรับประทาน เพราะร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมเมล็ดแฟลกซ์ทั้งเมล็ดได้ อีกทั้งเราจะได้สารอาหารจากไฟเบอร์เล็กน้อยเท่านั้นเนื่องจากคุณค่าทางอาหารอยู่ภายในเมล็ดเล็ก ๆ นั่นเอง โดยสามารถรับประทานได้หลายรูปแบบ ดังนี้

        1. นำเมล็ดแฟลกซ์มารับประทานกับอาหาร เครื่องดื่มและขนม

           ปัจจุบันนิยมนำเมล็ดแฟลกซ์บดโรยผสมกับอาหาร เครื่องดื่ม หรือขนม เช่น ข้าวสวย กับข้าว ซุป โจ๊ก สลัดผัก โยเกิร์ต เครื่องดื่ม นม แยม ไอศกรีม หรือแม้แต่ท็อปปิ้งบนแพนเค้กสมูทตี้ โยเกิร์ต เพื่อให้ได้รับประโยชน์ครบถ้วน และควรกินเมล็ดแฟลกซ์บดวันละ 1-2 ช้อนโต๊ะเป็นประจำทุกวัน

        2. นำเมล็ดแฟลกซ์แทนไข่ไก่ในการทำขนม

           เราสามารถทำขนมโดยใช้เมล็ดแฟลกซ์บดมาทำขนม เช่น แพนเค้ก วาฟเฟิล มัฟฟิน ขนมปัง คุ้กกี้ โดยหากต้องการทดแทนไข่ไก่ 1 ฟอง ในการทำขนมให้บดและผสมเมล็ดแฟลกซ์ 1 ช้อนโต๊ะ (7 กรัม) กับน้ำ 3 ช้อนโต๊ะ (45 กรัม) ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีจนกระทั่งน้ำถูกดูดซับและพองขึ้นอย่างเต็มที่ เพื่อให้ขนมอบหนักและหนาแน่นขึ้น

        3. บำรุงผิวหน้า

           สูตรยกกระชับผิวด้วยการใช้เมล็ดแฟลกซ์ 1 ช้อนชา เทน้ำเดือดหนึ่งในสามของแก้ว เขย่าส่วนผสมให้เข้ากันประมาณ 15 นาที เมื่อของเหลวเย็นตัวลงให้ทาลงบนใบหน้า มาร์กหน้าไว้เป็นเวลา 20-30 นาทีแล้วล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด จากนั้นทาครีมบำรุงผิวหน้าตามปกติ

           สูตรต้านริ้วรอย ด้วยการบดเมล็ดแฟลกซ์ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ หลังจากผสมคุณควรได้รับการวาง ทาลงบนใบหน้าที่สะอาดโดยไม่ต้องล้างออกเป็นเวลา 20 นาที หลังจากล้างให้เช็ดผิวด้วยนมหรือโทนิค จากนั้นใช้ครีมบำรุงผิวหน้าตามปกติ

 

ข้อควรระวังในการรับประทาน

        1. ควรทานเมล็ดแฟลกซ์ที่ผ่านความร้อนไม่เกิน 60 องศา เพราะอุณหภูมิที่สูงเกินไปจะไปทำลายวิตามินและสารอาหารในเมล็ดแฟลกซ์ได้

        2. ควรบดให้ละเอียดก่อนรับประทาน เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารจากเมล็ดแฟลกซ์ได้มากที่สุด โดยให้ใช้ทันทีหลังบด

        3. ไม่แนะนำให้รับประทานเมล็ดแฟลกซ์เกิน 5 ช้อนโต๊ะต่อวัน แม้ว่าเมล็ดแฟลกซ์จะเป็นธัญพืชที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

        4. หากมีอาการคัน ผื่นแดงตามลำตัว หรือที่ร้ายแรงกว่านั้นคือหายใจติดขัดลำบาก ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที

        5. ควรเก็บรักษาเมล็ดด้วยการแช่เย็น จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ประมาณ 6 เดือน หรือเก็บในภาชนะที่มีฝาปิดสนิทได้ในกรณีที่สามารถบริโภคหมดภายใน 1-2 อาทิตย์ ทั้งนี้หากเก็บรักษาไม่ดีอาจเสียได้

 

 

 

TAG
FOLLOW ME
Health & Wellness
Bring Happiness to Your
Good Health and Good Life

บริษัท เวลเนส กรีน ไลฟ์ จำกัด
ช65/4-5 ถ.สวรรค์วิถี ต.ปากน้ำโพ
อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ 60000

Tel : 091-459-6662 หรือ 056-222-662
Facebook : เวลเนส กรีน ช็อป
                 สาขานครสวรรค์
Line ID : @wglgoodlife
e-Mail : wellness.nsn@gmail.com
              info@wellnessgreenlife.co.th
www.wellnessgreenlife.com :  www.wellnessgreenlife.co.th :  www.wellnessgoodlifeshop.com
Copyright © 2021 Wellness Green Life All Rights Reserved.