เคล็ดลับบริหารสมองเพื่อชีวิตที่ดี

          สมอง (Brain) เป็นอวัยวะมหัศจรรย์ที่ถูกวิวัฒนาการมาเพื่อความอยู่รอด จัดเป็นระบบที่ซับซ้อนที่สุดในบรรดาสมองของสัตว์ทุกชนิด มนุษย์มีสมองที่ฉลาดช่วยให้สามารถปรับตัวและเอาตัวรอดได้ อีกทั้งเปรียบเหมือนกองบัญชาการควบคุมระบบต่าง ๆ ในร่างกายหลายระบบ สมองจึงเป็นอวัยวะสำคัญที่มีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก

 

          แต่ปัจจุบันพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของคนทุกเพศทุกวัยเปลี่ยนแปลงไป เช่น การพักผ่อนน้อย ขาดการออกกำลังกาย รับประทานอาหารไม่เหมาะสม มีภาวะเครียดสะสม สมองทำงานอย่างหนัก การทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป ทำให้สารสื่อประสาทในสมองซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อข้อมูลสัญญาณไฟฟ้าระหว่างเซลล์ของระบบประสาทเสียสมดุล จนเกิดภาวะเครียดโดยไม่รู้ตัวจากการที่สมองถูกใช้งานอย่างหนักเป็นระยะเวลานาน หรือ “ภาวะสมองล้า (Brain Fog Syndrome)” ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการคิด การจำ การทำกิจวัตรประจำวัน รวมทั้งการเกิดโรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน และโรคความจำเสื่อมก่อนวัย ดังนั้นเราจึงควรเริ่มต้นดูแลบำรุงสมองเสียแต่วันนี้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีระยะยาว

 

ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เซลล์สมองได้รับการพัฒนา

     1. การได้รับอาหาร และน้ำดื่มที่เป็นการเสริมสร้างเซลล์สมอง

     2. การปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมทั้งทางธรรมชาติและไม่ธรรมชาติอย่างสมดุล

     3. การได้รับการสัมผัส สัมพันธ์อย่างอ่อนโยนสม่ำเสมอ

     4. การถูกอบรมให้รู้จักคิด อารมณ์ดี และทำสิ่งดี ๆ

     5. การมีประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลายและแตกต่าง

     6. การทำกิจกรรมที่ทำให้สมองซีกซ้ายและซีกขวาทำงานสลับกันอยู่เสมอ

     7. การบริหารสมองด้วยท่าทางต่าง ๆ (Brain Gym)

     8. การรู้จักคิด-มองเห็น สิ่งซึ่งเป็นปัจจุบัน ให้ความรู้สึกอยู่กับปัจจุบันเป็นหลัก แล้วจึงรู้จักนึกถึงอดีต-คิดอนาคต เป็นการพัฒนาสมองให้รู้จักทบทวน ไตร่ตรอง จดจำ รอบคอบ

 

เคล็ดลับการดูแลสมอง

     1. พักผ่อนให้เพียงพอ

          การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะทำให้ร่างกายได้ซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรอ ฟื้นฟูสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง สมองได้ชาร์ตแบตอย่างเต็มที่ อีกยังหลั่งสารเมลาโทนิน ซีโรโทนิน ฮอร์โมนเพศ และเคมีบำรุงต่าง ๆ ที่ช่วยให้เราตื่นมาด้วยความสดชื่นพร้อมรับความจำใหม่ๆ ได้ดี ในแต่ละวันควรนอนหลับตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ หรือไม่เกิน 22.00 น. โดยนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง

 

     2. ออกกำลังกายเป็นประจำ

          การออกกำลังกายวันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง มีส่วนในการทำงานของสมองส่วนหน้าเช่น การวิ่ง การเต้นแอโรบิก การปั่นจักรยาน หรือออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอชนิดอื่น ๆ ซึ่งเน้นช่วยให้ร่างกายสามารถใช้ออกซิเจนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น กระตุ้นระบบเผาผลาญ ระบบไหลเวียนโลหิต เสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง สามารถสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองดีขึ้น กระตุ้นการทำงานของเซลล์สมองใหม่ ๆ และชะลอการเสื่อมของเซลล์ประสาท หรือการออกกำลังกายที่เน้นการสร้างสมดุลของร่างกาย เช่น รำมวยจีน โยคะ และการยืนขาเดียว เป็นต้น

 

      3. การจัดการความเครียด

          สมองของเราทำงานได้ดีในขณะที่เรามีความสุข ดังนั้นพยายามลดภาวะความเครียด ผ่อนคลายด้วยงานอดิเรก การฟังเพลง การเที่ยวพักผ่อน หรือเทคนิควิธีดังนี้

          3.1 การนั่งสมาธิวันละ 12 นาที หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติ และนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายที่สุด ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการ เห็นภาพ และมีความคิดสร้างสรรค์

          3.2 เขียนบันทึก Graceful Journal เป็นฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวัน ลงในสมุดบันทึก เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้ผ่อนคลายและหลับฝันดี

 

     4. การฝึกสมอง

          การมีกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นสมอง และหมั่นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น การเขียนหรืออ่านหนังสือ การลงเรียนคอร์สต่าง ๆ การดูการแสดง รับประทานอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ การเล่นเกมหรือกิจกรรมเสริมความคิดความจำ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุข ก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทให้ซับซ้อนขึ้น ทำให้สามารถเชื่อมโยงความคิด วิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และช่วยให้มีสุขภาพสมองที่ดีต่อเนื่องได้ในระยะยาว

 

          นอกจากนี้ยังมีเทคนิคการฝึกที่เน้น “ทำอย่างไรให้เซลล์สมองทั้งหมดตื่นตัว แล้วเราเริ่มนึกคิดและพยายามแสดงความรู้สึกออกไป โดยให้เน้นความรู้สึกอยู่ในแต่ละซีก” เช่น

          - การฟังเพลงที่ผลิตขึ้นมากระตุ้นเซลล์สมองโดยเฉพาะ คือ คลื่นเสียงกระตุ้นสมอง (Sound Stimulating Brain Power) นำมาเปิดให้คลื่นเสียงซึ่งมีทั้งคลื่น อัลฟา (Alfa) เดลตา (Delta) และเบทา (Beta) เข้าไปกระตุ้นสมองสัก 5-10 นาที เป็นการกระตุ้นเซลล์สมอง

          - การเอามือทั้งสองข้างชูขึ้นเหนือศีรษะ แล้วจึงค่อยก้มโค้งลงมาให้ฝ่ามือทั้งสองข้างติดพื้น โดยก้มศีรษะลง เพื่อให้กระแสเลือดของร่างกายไหลเวียนลงสู่สมอง ซึ่งเป็นท่าหนึ่งของการรำโยคะ

          - การฝึกสมองซีกซ้ายหน้า ให้เกิดเป็น “หัวคิด” โดยให้ตั้งใจนึก “คิดดีแง่บวก” สักเรื่องหนึ่งคงไว้อย่างนั้น ประมาณ 3-5 นาที เช่น ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันจะนึกคิดแต่เรื่องดี ๆ สิ่งซึ่งมีความสุข ตั้งแต่นี้ไป ฉันจะมองคนในแง่ดี คิดถึงแต่เขาในแง่ดี มีความสุข หรือตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันจะพูดแต่เรื่องดี ๆ ทำแต่เรื่องดี ๆ รู้สึกแต่เรื่องดี ๆ มีความสุข ต่อจากนั้นให้ “สร้างความเชื่อ ความศรัทธาสักเรื่องหนึ่ง” เช่น ทำดีต้องได้ดี เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม เพื่อให้เราฝึกคิดให้มีเหตุผล สมเหตุสมผล และสุดท้ายคือ “ตั้งเป้าหมายชีวิตของตนเอง” จนกระทั่งมีจุดยืนในชีวิต เชื่อมั่นในเหตุผล กล่าวได้ว่า สมองซีกซ้ายหน้า ทำให้มีเจตคติและความเชื่อในชีวิตว่า “เราทำได้ เราสามารถทำทุกอย่างที่ตั้งใจได้เสมอ” (“Can do” attitude)

          - การฝึกสมองซีกซ้ายหลัง ให้เกิดเป็น “หัวมั่น” โดยให้ตั้งใจคิดถึง “ความมั่นคงและความปลอดภัย” ไว้ในชีวิต โดยตั้งเป้าหมายชีวิตไว้อย่างน้อย 4 ด้าน เช่น เป้าหมายชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัว ชีวิตการงาน การเงิน ชีวิตสังคม การสนุกกับชีวิต (Adventure Goal) จากนั้นคิดหากลยุทธ์ เทคนิควิธีการ ตลอดจนวางแผนขั้นตอนการทำที่ชัดเจน ด้วยความเชื่อที่ว่า “ชีวิตต้องก้าวเดินต่อไปอย่างมุ่งมั่น มุ่งหน้า มุ่งหมาย”

          - การฝึกสมองซีกขวาหลัง ให้เกิดเป็น “หัวใจ” โดยให้พยายามรู้สึกแต่ความรู้สึกดี ๆ ที่เคยเกิดขึ้น และปรารถนาอยากให้เกิดขึ้น ด้วยสายตา ใบหน้า น้ำเสียง และหายใจ ย้ำให้ตนเองยิ่งเชื่อว่า “คนอารมณ์ดีมีอารมณ์หนักแน่นมั่นคง ด้วยการคิดดัง ๆ ว่า “ดีจังเลยที่เราเป็นคนอารมณ์ดี มีอารมณ์หนักแน่นมั่นคง” “รู้สึกดีในขณะนี้ อารมณ์ก็จะดีเองในอนาคต” ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการฝึก

          - การฝึกสมองซีกขวาหน้า ให้เกิดเป็น “หัวไว” โดยการ “พยายามรู้จักจินตนาการถึงสุนทรียภาพ ต่าง ๆ ในโลกนี้” เริ่มฝึกสมองด้วยการหลับตา เห็นภาพในสิ่งที่เราเคยมองเห็น เห็นภาพในสิ่งที่เราคิด จินตนาการมองเห็นเป็นรูปธรรมและมีมิติสัมพันธ์มากขึ้น เพื่อฝึกการรู้จักคิด รู้จักมองภาพให้กว้างไกล เกิดเป็นพลังจินตนาการ การฝึกมองภาพมุมกลับ การฝึกการมอง “ภาพ” และ “พื้น” รวมทั้งการเรียนรู้และทำอะไรใหม่ ๆ ทั้งนี้พึงระลึกเสมอว่า ความรู้ที่ถือว่าดีที่สุดในโลกนี้ เป็นเพียงข้อมูลเท่านั้น (Knowledge is Information) แต่ความรู้ที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตคือ พลังจินตนาการ (All knowledge come from your imagination) เป้าหมายที่ดีที่สุดทุกเป้าหมายต้องเกิดจากพลังจินตนาการ

 

     5. การรับประทานอาหารธรรมชาติหรืออาหารเสริมบำรุงสมอง

          สมองต้องการสารอาหารทั้ง 5 หมู่ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี 1, วิตามินบี 2, วิตามินบี 6, วิตามินบี 12, วิตามินซี, วิตามินอี, กรดโฟลิก, ซอยเลซิทิน (Soy Lecithin), โคลีน, แอลคาร์นิทีน แอลทาร์เทรต (L-Carnitine L-Tartrate), แมงกานีส, เซเลเนียม, แคลเซียม หรือแมกนีเซียม ล้วนมีส่วนช่วยบำรุงสมอง เสริมสร้างความจำ ลดความเครียด ปรับสมดุลอารมณ์ ช่วยให้สมองแข็งแรงไม่เสื่อมก่อนวัย ดังนั้นเราจึงควรรับประทานอาหารให้หลากหลาย หรืออาหารเสริมเพื่อช่วยบำรุงสมอง ทั้งนี้ต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ตัวอย่างอาหารบำรุงสมอง อาทิ

          อาหารที่มีไขมันดี เนื่องจากสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทน ส่วนที่สึกหรอ เราจึงควรกิน ไขมันดีระหว่างวัน เช่น น้ำมันปลาจากปลาต่าง ๆ ที่มีไขมันดี ไข่ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองและธัญพืช รวมทั้งการปรุงอาหารด้วยการนึ่ง การอบ และการใช้น้ำมันมะพร้าวสกัดร้อนในการปรุงอาหาร

          พืชผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ได้แก่ สารสกัดใบแปะก๊วย สารสกัดจากโสม เครื่องเทศ เช่น พริก กระเทียม ขิง ขมิ้น กานพลู ผักผลไม้ที่มีเปลือกสีเข้ม เช่น กะหล่ำปลีสีเขียวเข้ม ผักโขม บล็อกโคลี่ หัวหอม ข้าวโพด มะเขือยาวสีม่วงเข้ม พืชตระกูลถั่ว ลูกพรุน ส้ม องุ่นแดง และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ซึ่งล้วนอุดมด้วยโปรตีน กรดไขมันโอเมก้า 3 และวิตามินหลายชนิด มีส่วนช่วยบำรุงการทำงานของสมองและระบบประสาท

 

     6. การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม

          เราควรดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย ทั่วไปเฉลี่ยประมาณ 2 ลิตรต่อวันเป็นอย่างน้อย ด้วยการจิบน้ำบ่อย ๆ เพื่อฟื้นฟูให้ความสดชื่นต่อร่างกายและสมอง เนื่องจากสมองประกอบด้วยน้ำ 85 เปอร์เซ็นต์ เซลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำต้นไม้ก็เหี่ยว

          การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการฝึกฝน และยิ่งเราดูแลสมองให้ดี เราก็จะมีสมองที่แข็งแรง จิตใจผ่องใส สามารถประสบความสำเร็จทั้งด้านการเรียน การทำงาน และชีวิตส่วนตัว เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของตัวเราและครอบครัวตลอดไป

          หากท่านใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางดูแลสุขภาพและการรับประทานอาหารเสริมบำรุงสมอง สามารถปรึกษาสุขภาพกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ธรรมชาติบำบัดเวลเนสแคร์ เพื่อดูแลสุขภาพตามหลักวิถีธรรมชาติได้แล้ววันนี้ เพราะสิ่งที่เหมาะสมกับสุขภาพของคุณมากที่สุดคือสิ่งสำคัญ

 

สอบถามรายละเอียดโปรแกรมตรวจสุขภาพ บริการ และข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ร้านเวลเนส กรีน ช็อป สาขานครสวรรค์ เยื้องประตู 12 อุทยานสวรรค์ (หนองสมบุญ)

เปิดบริการทุกวันจันทร์ - เสาร์ เวลา 08.00 - 17.00 น. *ปิดทุกวันอาทิตย์*

โทร 056-222662, 062-9262642, 091-4596662

หรือลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาฟรี แอดไลน์คลิก https://lin.ee/ujQ6Y1Y Line ID : @wglgoodlife

TAG
FOLLOW ME
Health & Wellness
Bring Happiness to Your
Good Health and Good Life

บริษัท เวลเนส กรีน ไลฟ์ จำกัด
ช65/4-5 ถ.สวรรค์วิถี ต.ปากน้ำโพ
อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ 60000

Tel : 091-459-6662 หรือ 056-222-662
Facebook : เวลเนส กรีน ช็อป
                 สาขานครสวรรค์
Line ID : @wglgoodlife
e-Mail : wellness.nsn@gmail.com
              info@wellnessgreenlife.co.th
www.wellnessgreenlife.com :  www.wellnessgreenlife.co.th :  www.wellnessgoodlifeshop.com
Copyright © 2021 Wellness Green Life All Rights Reserved.