เหตุใดการแพทย์ปัจจุบันจึงรักษามะเร็งไม่หายขาด

โรคมะเร็ง จัดเป็นโรค NCDs ที่เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของคนไทยในปัจจุบัน สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เนื่องจากเซลล์มะเร็งเกิดในร่างกายของเราตลอดเวลา เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายอ่อนแอ มันจะปรากฏออกมาและอาจทำให้เสียชีวิตในระยะเวลาอันสั้น โดยมีอัตราความเสี่ยง 1 ใน 8 คน นับเป็นความเสี่ยงที่มีโอกาสสูงมากที่จะเสียชีวิตด้วยโรคนี้ โดยการรักษามะเร็งมีหลากหลายชนิด ทั้งการรักษาแบบการแพทย์แผนปัจจุบัน การรักษาด้วยสมุนไพรต่าง ๆ รวมทั้งแบบแผนการแพทย์ทางเลือกหลากหลายสาขา การจัดหาทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของแต่ละราย ซึ่งส่วนใหญ่ต้องใช้วิธีการรักษาแบบผสมผสาน
       ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการบำบัดรักษาโรคมะเร็งที่น่าสนใจก็คือ แม้ปัจจุบันวิวัฒนาการทางการแพทย์เจริญก้าวหน้ามาก แต่ก็ไม่สามารถรักษาโรคมะเร็งให้หายขาดได้ ทั้งที่รู้แน่ชัดว่าเป็นเซลล์มะเร็งชนิดใด บางกรณีเคมีบำบัดก็ไม่สามารถกจัดเซลล์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำการรักษา หรือการรักษาด้วยรังสีบำบัดก็มีผลการรักษาออกมาไม่ต่างจากเคมีบำบัด คือ ไม่สามารถทำให้มะเร็งหายขาดได้ สุดท้ายผู้ป่วยกลับมาเป็นมะเร็งชนิดเดิมอีก หรือบางครั้งก็เกิดมะเร็งชนิดใหม่ขึ้นมา ซึ่งในที่สุดก็ไม่มีการบำบัดรักษาใดที่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้นในรอบใหม่ได้อีก ดังนั้นเราจึงควรมีความรู้พื้นฐานที่เกี่ยวข้องดังนี้
       1. เซลล์มะเร็งเกิดขึ้นในร่างกายเราได้อย่างไร
         โดยทั่วไปร่างกายของคนเราจะมีเซลล์ตายประมาณ 12 ล้านเซลล์ทุกวินาที สเต็มเซลล์ (stem cell) ในร่างกายจึงต้องแบ่งตัวเพื่อสร้างเซลล์ใหม่มาชดเชยเซลล์เก่าที่ตายไปเป็นจำนวนมากถึง 12 ล้านเซลล์ต่อวินาที ซึ่งในขณะที่สเต็มเซลล์กำลังมีการแบ่งตัวเพื่อสร้างเซลล์ใหม่ เป็นช่วงเวลาเปราะบางมากที่หน่วยพันธุกรรมที่เรียกว่าดีเอ็นเอ (DNA) ในสเต็มเซลล์จะถูกสภาวะส่งเสริมให้เกิดมะเร็ง และส่งผลให้เกิดความผิดปกติขึ้นใน ดีเอ็นเอของเซลล์ที่เกิดใหม่ นั่นก็คือ “เซลล์กลายพันธุ์” หรือที่เราเรียกว่า “เซลล์มะเร็ง” นั่นเอง ปัจจุบันมีข้อมูลทางการแพทย์ที่แน่ชัดแล้วว่า เซลล์มะเร็งเกิดจากสเต็มเซลล์ในอวัยวะนั้น ๆ กลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็งในขณะที่แบ่งตัวเพื่อมาซ่อมแซมอวัยวะนั้น ๆ ยิ่งหากอวัยวะใดมีการใช้งานหนัก ต้องมีการแบ่งตัวของสเต็มเซลล์เพื่อมาซ่อมแซมอวัยวะนั้นมาก ก็มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็ง
         อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าร่างกายของคนเรามีเซลล์มะเร็งเกิดตลอดเวลา แต่ร่างกายของคนเรามีภูมิคุ้มกันโรคคอยกำจัดสิ่งแปลกปลอม สารต่าง ๆ ที่ร่างกายไม่รู้จัก ยารักษาโรค เชื้อโรค รวมทั้งเซลล์มะเร็ง ดังนั้นบางคนที่ไม่เป็นมะเร็งก็เพราะว่า “ภูมิคุ้มกันของบุคคลนั้นสามารถกำจัดเซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด” หากช่วงใดที่ภูมิคุ้มกันโรคไม่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้ เซลล์มะเร็งจะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นก้อนมะเร็งที่ร่างกายของเราไม่สามารถกำจัดได้อีก
       2. การผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกมีประโยชน์ในการรักษามะเร็งหรือไม่
         เมื่อร่างกายไม่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้ เซลล์มะเร็งก็จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ แบบไร้ขีดจำกัด และเพิ่มขนาดแบบทวีคูณ โดยระยะแรกก้อนมะเร็งจะมีขนาดเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่เราจะเริ่มมองเห็นก้อนมะเร็งได้เมื่อก้อนมะเร็งมีเซลล์มะเร็งมากกว่าหนึ่งร้อยล้านเซลล์ ซึ่งเมื่อตรวจพบก้อนมะเร็ง แพทย์จะพิจารณาว่าควรผ่าตัดเอาออกหรือไม่ โดยพิจารณาถึง “ตำแหน่งที่สามารถผ่าตัดเอาออกได้สะดวกและสามารถผ่าตัดออกได้หมดทั้งก้อน” หากการผ่าตัดไม่สามารถเอาก้อนมะเร็งออกได้หมด จะยิ่งเป็นการเร่งให้เซลล์มะเร็งจากก้อนมะเร็งที่หลงเหลือแพร่กระจายออกจากตำแหน่งเดิมไปสู่อวัยวะอื่น ๆ อย่างรวดเร็วทั้งทางกระแสเลือดและระบบหมุนเวียนน้ำเหลือง นอกจากนี้ก้อนมะเร็งขนาดใหญ่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีการกระจายเซลล์มะเร็งออกจากก้อนเดิมแล้ว แพทย์จึงจำเป็นต้องหา “วิธีการกำจัดเซลล์มะเร็งที่กระจายออกไปด้วยวิธีการอื่น” อีก ไม่สามารถจบการรักษามะเร็งด้วยการผ่าตัดเพียงอย่างเดียว
       3. การใช้รังสีบำบัดช่วยในการรักษามะเร็งได้อย่างไร
         การใช้รังสีบำบัด คือการฆ่าเซลล์มะเร็งโดยอาศัย “คุณสมบัติการดูดซับรังสีได้มากกว่าปกติ” ตายก่อนเซลล์ปกติ ซึ่งเซลล์ปกติจะไม่ตายแต่จะเกิดการบาดเจ็บอย่างรุนแรง ข้อดีของการใช้รังสีบำบัดคือ หากเซลล์มะเร็งกระจุกตัวอยู่บริเวณที่ฉายรังสี เซลล์มะเร็งจะตายหมด แต่ข้อเสียก็คือ หากมีเซลล์มะเร็งที่กระจายตัวออกจากตำแหน่งเดิมไปแล้ว เนื่องจากการฉายรังสีทำให้ร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันลดลง เซลล์มะเร็งที่หลงเหลืออยู่จะกลับมาเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็วส่งผลให้มะเร็งลุกลามรุนแรงกว่าเดิม หรืออาจเกิดเซลล์มะเร็งเกิดใหม่จากการฉายรังสีได้ และในบางครั้งเซลล์ปกติที่บาดเจ็บ หากเป็นสเต็มเซลล์ที่สามารถแบ่งตัวเองเพิ่มจำนวนได้ก็อาจมีการกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็ง
       4. การใช้เคมีบำบัดช่วยในการรักษามะเร็งได้อย่างไร
         การใช้เคมีบำบัด คือการฆ่าเซลล์มะเร็งด้วยสารเคมีที่สังเคราะห์ให้มีคุณสมบัติ “ฆ่าเซลล์ที่แบ่งตัวเร็วและโตเร็ว” จึงถูกฆ่าตายก่อนเซลล์ปกติของร่างกาย แต่เซลล์ของร่างกายที่กำลังเจริญเติบโตก็ถูกสารเคมีดังกลาวฆ่าตายเช่นกัน จึงทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม ภูมิคุ้มกันโรคต่ำลง หากมีเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่ เซลล์มะเร็งจะกลับมาแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว หรือทำให้เซลล์มะเร็งเกิดใหม่ได้ และในบางครั้งสเต็มเซลล์ที่โดนพิษจากสารเคมีอาจเกิดการกลายพันธุ์เป็นมะเร็งชนิดใหม่ขึ้นมา
       กล่าวได้ว่าการรักษามะเร็งด้วยวิธีการผ่าตัด การใช้รังสีบำบัด หรือการใช้เคมีบำบัด ยังไม่มีวิธีการใดที่จะทำให้มะเร็งหายขาดได้ ส่วนใหญ่จะเป็นเพียงการทำให้มะเร็งสงบลงชั่วคราว แต่โอกาสที่มะเร็งจะกลับมาใหม่ยังคงมีตลอดเวลา ดังนั้นการที่จะทำให้มะเร็งไม่กลับมาเป็นใหม่หรือไม่เกิดขึ้นอีก มีวิธีการเดียวคือ “การสร้างภูมิคุ้มกันโรคที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดมะเร็งที่เกิดขึ้นในร่างกายชองเราอย่างเพียงพอ” เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับสภาพจิตใจให้มีความสุข การปรับพฤติกรรมการดำเนินชีวิต การรับประทานอาหารตามหลักธรรมชาติ หรือการบำบัดมะเร็งตามแนวทางธรรมชาติบำบัดเพื่อให้สะดวกในการประยุกต์ใช้ เช่น อาหารบำบัดมะเร็ง อาหารทดแทน สารสกัดจากธรรมชาติ เกลือแร่และวิตามินบำบัด เป็นต้น

ข้อมูล: หนังสือพิชิตโรคร้ายโดยไม่ใช้ยา เล่ม 3 พิชิตมะเร็ง ฟื้นฟูไตด้วยพลังธรรมชาติ
       โดย นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์

TAG
FOLLOW ME
Health & Wellness
Bring Happiness to Your
Good Health and Good Life

บริษัท เวลเนส กรีน ไลฟ์ จำกัด
ช65/4-5 ถ.สวรรค์วิถี ต.ปากน้ำโพ
อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ 60000

Tel : 091-459-6662 หรือ 056-222-662
Facebook : เวลเนส กรีน ช็อป
                 สาขานครสวรรค์
Line ID : @wglgoodlife
e-Mail : wellness.nsn@gmail.com
              info@wellnessgreenlife.co.th
www.wellnessgreenlife.com :  www.wellnessgreenlife.co.th :  www.wellnessgoodlifeshop.com
Copyright © 2021 Wellness Green Life All Rights Reserved.