วิตามินดีจำเป็นต่อร่างกายอย่างไร

      วิตามินดี (Vitamin D) เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน อาศัยไขมันในการช่วยดูดซึมและสามารถเก็บสะสมในร่างกายได้โดยปกติร่างกายเราสามารถสร้างได้เองจากการสัมผัสแสงแดดโดยมากับรังสี UVB และได้รับจากการรับประทานอาหาร โดยวิตามินดีมีประโยชน์ช่วยดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้ให้เดินทางไปสะสมที่กระดูกได้ดีขึ้น ช่วยลดการสลายแคลเซียมจากกระดูกออกมาใช้ได้ ดังนั้นหากร่างกายขาดวิตามินดี จะส่งผลให้มวลกระดูกลดลงจนนำไปสู่ภาวะกระดูกบางและกระดูกพรุนได้ รวมทั้งอาจเสี่ยงต่อกระดูกหักได้มากขึ้น

 

25-OH-Vitamin D2/D3 คืออะไร

          วิตามินดี 2 หรือ เออโกแคลซิเฟอรอล (Vitamin D2; Ergocalciferol) วิตามินดีชนิดนี้ได้มาจากพืชและยีสต์ ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ ต้องได้รับจากการรับประทานอาหารเท่านั้น

          วิตามินดี 3 หรือ โคเลแคลซิเฟอรอล (Vitamin D3; Cholecalciferol) เป็นชนิดที่ได้มาจากสัตว์ และจากการสังเคราะห์ที่ผิวหนังของคนเรา โดยเมื่อผิวหนังของเราได้รับแสงแดดที่มีรังสีอัลตร้าไวโอเลตบี ซึ่งเป็นรังสีคลื่นสั้น รังสีจะถูกดูดซับและกระจายตัวอยู่บนผิวหนังชั้นบน แล้วผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงต่อไปเป็นวิตามินดี 3 อย่างรวดเร็ว

          ซึ่งวิตามินทั้ง 2 แบบ จะสะสมในร่างกายในรูป แคลซิไดออล (Calcidiol) คือ “25(OH) vitamin D2” กับ “25(OH) vitamin D3” ซึ่งเป็นรูปแบบของวิตามินดีที่ยังไม่ออกฤทธิ์ ใช้บอกระดับวิตามินดีที่สะสมในร่างกายนั่นเอง

          ถึงแม้ประเทศไทยจะเป็นเมืองร้อนและแดดดีมากเกือบตลอดทั้งปี แต่รูปแบบการดำเนินชีวิตปัจจุบันของเราเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสแสงแดดลดลง หลบแดดอยู่ในที่ร่ม การใช้ครีมกันแดดเพื่อป้องกันความเสี่ยงอื่นที่มาพร้อมแสงแดด เช่น ผิวหมองคล้ำ มะเร็งผิวหนัง การใช้ชีวิตในอาคารบ้านเรือน สภาพอากาศ หมอกควัน และฝุ่นละออง การรับประทานอาหารมังสวิรัติหรือไม่รับประทานเนื้อปลา ล้วนส่งผลให้ผิวหนังมีการสังเคราะห์วิตามินดีได้น้อยและอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการในร่างกาย

แหล่งของวิตามินดีที่ร่างกายต้องการ

         1. แสงแดดจากดวงอาทิตย์ ในช่วงเวลาประมาณ 11.30 – 13.30 น. เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด

         2. การรับประทานอาหาร โดยอาหารที่เป็นแหล่งสำคัญของวิตามินดี 3 ได้แก่ น้ำมันตับปลา ไข่แดง นม เนย ตับสัตว์ ปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาทู ปลาซาร์ดีน ไข่ ส่วนอาหารที่พบวิตามินดี 2 ได้แก่ เห็ดและสาหร่าย เป็นต้น

         3. นม ไข่แดง ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาทูน่า ปลาซาดีน ปลาแม็คเคอร์เรล เป็นอาหารที่นิยมเสริมด้วยวิตามินดี เพราะเป็นอาหารที่มีแคลเซียม ฟอสฟอรัสและไขมัน ที่จะช่วยเพิ่มอัตราการดูดซึมจากลำไส้เล็ก

         4. การรับประทานวิตามินดีในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (supplement) โดยรับประทาน Vitamin D3 (Cholecalciferol) กลุ่มที่รับประทานมังสวิรัติจะรับประทาน Vitamin D2 (Ergocalciferol) ที่มาจากพืช ส่วนในกลุ่มที่ขาดมากร่วมกับมีภาวะโรคเรื้อรัง เช่น โรคตับ โรคไต ที่ไม่สามารถเปลี่ยน Vitamin D3 หรือ D2 ให้เป็นลักษณะที่ใช้โดยร่างกายได้ จำเป็นต้องมีการประเมินให้เป็น Active form ของ Vitamin D ที่สามารถทำให้ผู้ป่วยสามารถนำมาใช้ได้ง่ายขึ้น

         ร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดีเองได้ใต้ชั้นผิวหนัง ผ่านการกระตุ้นจากรังสียูวีบี  (Ultraviolet B ray) ดังนั้นเพื่อป้องกันการขาดวิตามินดี แนะนำให้ออกมาสัมผัสแสงแดดบ้าง โดยเฉพาะแสงแดดตอนเช้า การรับประทานอาหาร หรือการรับประทานวิตามินดีในรูปของอาหารเสริม (Vitamin D Supplement) ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

 

TAG
FOLLOW ME
Health & Wellness
Bring Happiness to Your
Good Health and Good Life

บริษัท เวลเนส กรีน ไลฟ์ จำกัด
ช65/4-5 ถ.สวรรค์วิถี ต.ปากน้ำโพ
อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ 60000

Tel : 091-459-6662 หรือ 056-222-662
Facebook : เวลเนส กรีน ช็อป
                 สาขานครสวรรค์
Line ID : @wglgoodlife
e-Mail : wellness.nsn@gmail.com
              info@wellnessgreenlife.co.th
www.wellnessgreenlife.com :  www.wellnessgreenlife.co.th :  www.wellnessgoodlifeshop.com
Copyright © 2021 Wellness Green Life All Rights Reserved.