ตับเป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีความสำคัญที่สุดในระบบทางเดินอาหาร และมีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการทำงานในร่างกายมนุษย์เป็นอย่างมาก ตับมีหน้าที่มากกว่า 500 อย่าง เพื่อให้อวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายทำงานต่อไปได้ตามปกติ โดยสามารถแบ่งหน้าที่การทำงานออกเป็น 3 กลุ่มงาน คือ

        กลุ่มงานที่ 1 หน้าที่ในการสร้าง

        ตับสร้างสารต่าง ๆ ในร่างกายมากมาย เช่น สร้างโปรตีนชนิดต่าง ๆ  สร้างไขมันชนิดต่าง ๆ รวมทั้งคอเลสเตอรอล สร้างเอนไซม์ชนิดต่าง ๆ สร้างน้ำดี และสร้างสารอื่น ๆ อีกหลายร้อยรายการ

        กลุ่มงานที่ 2 หน้าที่ในการเปลี่ยน

        ตับเปลี่ยนสารต่าง ๆ ในร่างกายจากสารหนึ่งไปเป็นอีกสารหนึ่ง เช่น เปลี่ยนน้ำตาลต่าง ๆ ให้เป็นน้ำตาลกลูโคส เปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นไขมันหรือโปรตีน เปลี่ยนไขมันให้เป็นน้ำตาลหรือโปรตีน เปลี่ยนโปรตีนให้เป็นน้ำตาลหรือไขมัน รวมทั้งการเปลี่ยนสารพิษที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเอง ให้มีพิษน้อยลงหรือกลายเป็นสารที่ไม่มีพิษต่อร่างกาย

        กลุ่มงานที่ 3 หน้าที่ในการขจัดสารพิษ

        ตับมีหน้าที่สำคัญในการขจัดพิษออกจากร่างกาย เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่กระแสเลือด เมื่อตับรับทราบว่าสิ่งนั้นเป็นพิษต่อร่างกาย เช่น ยา สารเคมี สารอินทรีย์ต่าง ๆ ตับจะหาทางขจัดสิ่งนั้นทิ้ง รวมถึงมีการพยายามเปลี่ยนให้มีความเป็นพิษน้อยลง

        การที่ตับหาทางขจัดสิ่งแปลกปลอมและสารพิษโดยส่งไปขับออกทางไต ปอด และผิวหนัง สารพิษนั้น ๆ ต้องเป็นสารพิษที่ละลายน้ำได้ เพราะต้องขนส่งไปกับทางน้ำเลือดหรือน้ำเหลือง สำหรับสารพิษที่ละลายน้ำไม่ได้ แต่ละลายได้ในไขมัน ตับมีวิธีขจัดออกจากร่างกายโดยการขับออกมาพร้อมกับน้ำดี ซึ่งตับสามารถสร้างน้ำดีได้ วันละหลายลิตร น้ำดีจะเดินทางออกจากตับทางท่อทางเดินน้ำดีเข้าสู่ถุงน้ำดี เพื่อเตรียมพร้อมจะขับออกสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenum) เมื่อสารพิษถูกขับออกมาพร้อมกับน้ำดีลงสู่ลำไส้เล็กแล้ว ร่างกายก็จะพยายามขับทิ้งต่อโดยเร่งให้ขับออกมาพร้อมกับอุจจาระ ถ้าเราท้องผูก ขับถ่ายอุจจาระช้า สารพิษจะตกค้างอยู่ในลำไส้นาน สารพิษมีโอกาสถูกดูดซึมกลับเข้าสู่กระแสเลือดได้อีก ในขณะเดียวกันหากตับขจัดสารพิษออกไปไม่ทันจะก่อให้เกิดภาวะสารพิษตกค้างในร่างกาย นำไปสู่อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ

        ในยุคปัจจุบันคนเรามีพฤติกรรมการดำเนินชีวิตและการรับประทานอาหารผิดไปจากหลักธรรมชาติ “ภาวะไขมันพอกตับและภาวะตับแข็ง” จึงเป็นโรค NCDs ที่พบเห็นได้บ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกายตลอดเวลาด้วยปัจจัยต่าง ๆ เมื่อตับขจัดสารพิษออกไปไม่ทันหรือทำหน้าที่บกพร่องก็จะก่อให้เกิดภาวะสารพิษตกค้างในร่างกายนำไปสู่อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ หรือกล่าวได้ว่า ตับมีอิทธิพลต่อการป่วยของคนเรามากที่สุด อาทิ ปวดศีรษะบ่อย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยหลัง-ไหล่-คอ ท้องอืด ท้องเฟ้อ ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น โรคผิวหนัง สิว ผื่นคันต่าง ๆ โรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ลำไส้แปรปรวน ท้องผูก เป็นกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคหอบหืด ภูมิแพ้ โรคไต โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง นิ่วในตับและถุงน้ำดี ไขมันพอกตับ ตับแข็ง มะเร็งตับ เป็นต้น โรคเหล่านี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาด ทำได้เพียงรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการไปตลอดชีวิต ส่งผลให้มีโอกาสทำให้ตับเสื่อมและไตวาย การช่วยให้ตับระบายของเสียออกจากร่างกายจนหมด ไม่เหลือตกค้างหรือตกค้างน้อยที่สุดเพื่อให้ตับกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

        ด้วยเหตุนี้จึงเกิดแนวทางดูแลสุขภาพตามวิถีธรรมชาติ นั่นก็คือ “การล้างพิษตับ” เป็นวิธีการใหม่ในการดูแลสุขภาพ ตลอดจนค้นพบหัวใจสำคัญของการ “หยุดแก่ก่อนวัยและหยุดป่วย” ซึ่งทำได้หลายวิธี หนึ่งในนั้นคือ “การเข้าโปรแกรมล้างพิษตับ-กาย- จิต” หลักสูตร 3 วัน 2 คืน เพื่อฟื้นฟูสุขภาพด้วยการทำความสะอาดและขจัดสารพิษออกจากร่างกายและจิตใจ ภายใต้การดูแลเป็นพิเศษจากทีมแพทย์และพยาบาล ส่วนอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับการยอมรับทั้งในศาสตร์อายุรเวทของอินเดียและภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย รวมถึงมีผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์รองรับอย่างกว้างขวาง คือ การรับประทานสมุนไพรอย่าง “ขมิ้นชัน” ร่วมกับผลไม้ 3 อย่าง ที่เรียกว่า “ตรีผลา” ซึ่งประกอบด้วย สมอไทย สมอภิเพก และมะขามป้อม มีฤทธิ์ในการทำความสะอาดตับ ล้างพิษตับและไขมันพอกตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยแก้อาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร ระบบย่อยอาหาร และระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยกำจัดสารพิษและสิ่งสกปรกตกค้างในร่างกายโดยไม่ต้องพึ่งยาระบาย มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยปรับสภาพและสร้างสมดุลของร่างกาย เมื่อดูแลตับให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอและมีพฤติกรรมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี เมื่อนั้นสุขภาพที่ดีและความอ่อนเยาว์ย่อมอยู่กับเราไปอีกนาน

ข้อมูล: นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์