วันนี้เรามีกลุ่มอาหารต้านโรคภูมิแพ้ที่แนะนำโดย นายแพทย์ลีโอนาร์ด ไบลอรี่ (Dr. Leonard Bielory) ประธานสมาคมวิชาชีพนักภูมิคุ้มกัน ผู้เชี่ยวหาญโรคหืดและโรคภูมิแพ้ ประเทศสหรัฐอเมริกามานำเสนอ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ใสใจกับการดูแลรักษาร่างกายด้วยวิธีการทางธรรมชาติ นอกจากการกินยาหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นอาการ และออกกำลังกาย อยากรู้ว่ามีกลุ่มสารอาหารอะไรบ้าง รีบอ่านแล้วหามาเตรียมไว้ดังนี้

          1. วิตามินซี
          มีส่วนช่วยในการป้องกันการหลั่งฮิสตามีนซึ่งเป็นสารสำคัญที่ร่างกายสร้างขึ้นและทำให้เกิดอาการภูมิแพ้วิตามินชีพบได้ในผักใบเขียว เช่น ตำลึง ผักโขม บรอกโคลีกะหล่ำปลี ในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น สับปะรด ส้ม สตรอว์เบอร์รี่มะนาว โดยวัตถุดิบเหล่านี้สามารถดัดแปลงเมนูได้ตามที่คุณต้องการ

          2. วิตามินเอ
      ช่วยในเรื่องการสร้างเนื้อเยื่อและช่วยเสริมสร้างเยื่อบุต่าง ๆ ของร่างกาย ปรับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในทางเดินหายใจและทางเดินอาหารให้สมดุล วิตามินชนิดนี้พบมากในกลุ่มผักผลไม้ที่มีสีเขียวเข้ม สีส้ม หรือสีเหลือง เช่น ฟักทอง แครอต มะละกอสุก มะม่วงสุก แคนตาลูป มะเขือเทศ เป็นต้น

          3. โปรตีน 
         สามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายได้ เพราะหน่วยย่อยที่เล็กที่สุดของโปรตีนคือกรดแอมิโน ซึ่งเป็นสารสำคัญในการนำไปสร้างภูมิคุ้มกันต่าง ๆ และที่สำคัญโปรตีนเป็นหนึ่งในอาหารหลัก 5 หมู่ที่หาได้จากไข่ไก่และถั่วชนิดต่าง ๆ

          4. โอเมก้า - 3
     ช่วยลดอาการอักเสบ ปรับภูมิคุ้มกันขอร่างกาย ช่วยในการตอบสนองต่อเชื้อโรคและสารแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยคุณสามารถเลือกกินได้จากปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทู ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลากะพง ซึ่งอาหารกลุ่มนี้อาจมีส่วนไปกระตุ้นอาการภูมิแพ้ได้ ดังนั้นควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าแพ้อาหารทะเลหรือไม่ นอกจากนี้โอเมก้า - 3 ยังพบมากในเมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง ถั่วเหลือง และผักใบสีเขียวเข้ม

          5. ซีลีเนียม
       ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมหรือสารกระตุ้นภูมิแพ้ได้ ซึ่งพบมากในพืชตระกูลหอม เช่น หอมหัวใหญ่ หอมแดง เป็นต้น

          6. เควอร์ซิทิน
     เป็นสารที่อยู่ในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ช่วยต้านอาการแพ้และลดการอักเสบ ช่วยยับยั้งการปล่อยสารฮิสตามีนซึ่งทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ พบมากในกระเทียมและพืชตระกูลหอม อย่างหอมหัวใหญ่ หอมแดง แครอต ผักกาดหอม แอ๊ปเปิ้ล เป็นต้น

          คำแนะนำนี้เหมาะกับผู้ที่ไม่ได้แพ้อาหารดังที่กล่าวมา ทั้งนี้หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์ นอกจากการรับประทานอาหารต้านโรคภูมิแพ้เหล่านี้แล้ว อย่าลืมออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นอาการร่วมด้วย เพื่อให้คุณมีร่างกายที่แข็งแรงและไกลโรคอย่างแท้จริง

แหล่งที่มา

ชวลิดา เชียงกูล. (2562, ตุลาคม). Eat to fight allergy 6 กลุ่มอาหารต้านโรคภูมิแพ้. ชีวจิต, 21(504), 8.