1) ผู้ที่จะเข้าโปรแกรมนี้ ร่างกายต้องอยู่ในสภาวะที่ไม่อ่อนเพลีย

            2) ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคตับอักเสบ โรคนิ่วในตับ-ถุงน้ำดี ไขมันพอกตับ โรคตับแข็ง ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดผิดปกติ ภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคหัวใจ โรคเก๊าท์ โรคภูมิแพ้ โรคมะเร็ง โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ภาวะไตเสื่อม ควรได้รับการล้างพิษตับเพื่อการดูแลตนเอง แต่ต้องทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์ที่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัย

            3) ผู้ที่เป็นแผลในกระเพาะอาหาร ควรรักษาแผลในกระเพาะอาหารให้หายก่อน

            4) ผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนสามารถเข้าโปรแกรมอดอาหารได้ตามปกติ

            5) บางคนอาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น มึนศีรษะ-อ่อนเพลียเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากร่างกายเร่งขับสารพิษจากอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกายเข้าสู่กระแสเลือดเป็นปริมาณมาก และร่างกายมีการดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากกว่าปกติ ทำให้เกิดสารคีโตนส์ (Ketones) ในกระแสเลือดมาก และทำให้เลือดมีฤทธิ์เป็นกรด (ปกติเลือดควรมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ PH ควรประมาณ 7.3-7.4 ซึ่งเป็นภาวะที่เราสดชื่นแข็งแรงที่สุด) แนวทางแก้ไขอาการมึนศีรษะและอ่อนเพลียคือ ในโปรแกรมล้างพิษ ผู้เข้าร่วมโปรแกรมจะได้ดื่มน้ำ อัลคาไลน์ (น้ำด่าง pH 7.6-8.5) และน้ำผัก-ผลไม้ที่ผลิตแบบ Freeze dry ช่วยเร่งการขับปัสสาวะปริมาณมาก ทำให้มีการขับสารคีโตนส์และสารพิษอื่น ๆ ทิ้งทางปัสสาวะมากขึ้น ทำให้ลดความเป็นกรดและสารพิษในเลือดลง สวนล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำอุ่นประมาณ 1.0-1.3 ลิตรผสมน้ำมะนาวคั้นจากผลขนาดใหญ่ 1 ผล เพื่อเร่งขับสารพิษออกจากร่างกายให้เร็วที่สุด และทำให้เลือดมีฤทธิ์เป็นด่าง นอกจากนี้การอบสมุนไพร ที่มีน้ำมันหอมระเหยช่วยขับสารพิษออกจากรูขุมขน-ถุงลมปอด-ระบบหมุนเวียนน้ำเหลือง เป็นการเปิดรูขุมขน เร่งการขับเหงื่อ สารโตนส์ในกระแสเลือดออกมากับเหงื่อ และขับสารพิษในกระแสเลือด ทำให้เลือดมีฤทธิ์เป็นด่าง กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดอาการมึนงงศีรษะ

            6) ก้อนไขมัน และก้อนน้ำดีที่ปนออกมากับสิ่งขับถ่ายจากการเข้าโปรแกรมล้างพิษตับไม่ใช่ปฏิกิริยาสบู่ แต่เป็นก้อนที่มีอยู่ ในตับ-ถุงน้ำดี-ท่อทางเดินน้ำดี เนื่องจากโดยธรรมชาติ น้ำดีจากตับถูกผลิตขึ้นมาเพื่อย่อยไขมัน ไม่ได้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อทำปฏิกิริยาสบู่กับไขมันที่เรารับประทานเข้าไป และการเกิดก้อนสบู่จากน้ำมันมะกอกต้องใช้สารที่เป็นด่างอย่างแรง pH ประมาณ 14 จึงจะเกิดปฏิกิริยาสบู่ได้ นอกจากนี้ร่างกายมีกลไกปกป้องไม่ให้ของเหลวใด ๆ จากลำไส้เล็กไหลย้อนเข้าไปตามท่อทางเดินน้ำดี ถ้ามีของเหลวไหลย้อนเข้าไปได้จะทำให้ถุงน้ำดีและตับเกิดการติดเชื้อโรคอย่างรุนแรง และเสียชีวิตได้ในเวลาไม่นาน

            7) ในวันสุดท้าย ควรเริ่มรับประทานอาหารอ่อน ๆ ที่ ย่อยง่าย ๆ เป็นเวลา 1 วัน วันรุ่งขึ้นสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ (เอาไปใส่ในช่วง)

            8) ความถี่ในการเข้าโปรแกรมล้างพิษตับ 3 วัน แบ่งผู้เข้าโปรแกรมออกเป็น 2 กลุ่ม

กลุ่ม 1 ผู้ป่วยโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคระดับไขมันเลือดผิดปกติ โรคหัวใจขาดเลือด โรคอัมพฤกษ์ โรคอัมพาต โรคภูมิแพ้ โรคมะเร็ง โรคเก๊าท์ ไตเสื่อม ควรทำต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกันทุก 1 เดือน หลังจากนั้นควรทำทุก 6 เดือน

กลุ่มที่ 2 ผู้ที่มีร่างกายปกติ ในระยะแรกควรต่อเนื่องกัน 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกันทุก 3 เดือน หลังจากนั้นควรทำทุก 6 เดือน

            9) มนุษย์ทุกคนควรขจัดพิษออกจากร่างกายให้เหลือสารพิษในร่างกายน้อยที่สุด ตับที่สะอาดเป็นกลไกที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ร่างกายสะอาด เพราะตับเป็นโรงงานขจัดสารพิษที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด ในร่างกายของมนุษย์ เราไม่มีโอกาสเปลี่ยนตับได้ หากตับมีปัญหาจะทำให้มีโอกาสเสียชีวิตได้